TEXT
READER

พระอุโบสถของวัดมิอิเดระซึ่งถือเป็นวัดสำนักใหญ่ของนิกายเทนไดจิมอนชูวัดมิอิเดระสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 7 ถือเป็นวัดที่มีความสัมพันธ์กับองค์จักรพรรดิเทนจิ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1300 ปีเป็นพระอุโบสถที่เคยประสบภัยมาหลายต่อหลายครั้ง เคยถูกไฟไหม้และมีการสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง
พระอุโบสถคองโดที่เห็นในปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยท่านคิตะโนะมังโดะโคะโระ ภรรยาเอกของท่านโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ในปีที่ 4 ของรัชสมัยเคโจ (ค.ศ. 1599) เป็นอาคารที่ขึ้นชื่อในสมัยโมะโมะยะมะ ว่าสง่างามพร้อมกับความงดงามของหลังคาที่มุงด้วยเปลือกของต้นสนฮิโนะคิ
ภายในพระอุโบสถแบ่งโซนเป็นโซนชั้นนอก ชั้นใน และด้านหลัง โดยตรงกลางของโซนชั้นในมีพระศรีอาริย์ซึ่งเป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในตู้พระซึ่งปกติจะไม่เปิดตู้ให้ชม โซนชั้นในจะไม่มีพื้นกระดานปูอยู่ จะเป็นพื้นดินต่ำลงไปหนึ่งขั้น ที่เป็นสไตล์ของพระอุโบสถแบบมิคเคียว สายนิกายเทนได

“นิกายเทนไดจิมอนชู”

นิกายเทนไดจิมอนชู มีผู้ก่อตั้งคือ จิโชไดชิ เอนจิน (814~891) ผู้ที่เป็นเจ้าสำนักเทนได คนที่ 5 มีวัดมิอิเดระ(วัดออนโจจิ) เป็นวัดสำนักใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองโอซึ จังหวัดชิกะ
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 10 ลูกศิษย์ต่างๆของท่านจิโชไดชิทำการแยกตัวออกมาจากนิกายเทนไดชูที่มีวัดฮิเอซังเอนเรียคุจิเป็นวัดสำนักใหญ่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานิกายเทนไดชูจึงแบ่งแยกกันออกมาเป็น 2 สาย โดยจะเรียกนิกายเทนไดที่ตั้งอยู่บนเขาฮิเอซังว่า สายซังมอน และเรียกอีกฝั่งว่า สายจิมอน

“พระอุโบสถ”

เป็นอาคารที่ตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางของวัดโดยมีพระประธานประดิษฐานอยู่ โดยจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันตามแต่ละนิกาย เช่น คองโด, ชูโด, บุซึเดน, มิเอโด, อะมิดะโด เป็นต้น

“องค์จักรพรรดิเทนจิ”

องค์จักรพรรดิช่วงกลางศตวรรษที่ 7 ได้ทำการร่วมมือกับ นะคะโตะมิ โนะ คะมะทะริ ทำการโค่นล้มตระกูลโซะกะ และเป็นผู้ทำการปฏิรูปไทคะในฐานะมกุฎราชกุมาร และหลังจากที่จักรพรรดินีไซเม ซึ่งเป็นมารดาเสด็จสวรรคตในปีค.ศ. 661 ก็ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ เมื่อถึงปีค.ศ. 667 จึงได้ย้ายไปเมืองโอซึโนะมิยะ ในเขตจังหวัดโอมิ และได้ขึ้นครองราชย์ในปีถัดไป โดยเป็นผู้ปฏิรูปการปกครองภายใน โดยจัดทำ โคโกะเนนจะคุ (ทะเบียนครัวเรือน) และกำหนดกฎหมายโอมิ (ครองราชย์ ปีค.ศ. 668~671) (626~671)

“โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ”

เป็นแม่ทัพในสมัยอะซุจิโมะโมะยะมะ โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้รับใช้ของโอะดะ โนะบุนะกะ และเสนอชื่อขึ้นเป็นผู้สืบทอดคนแรกหลังจากที่โนะบุนะกะเสียชีวิตในเหตุการณ์ฮอนโนจิโนะเฮน ที่เกิดขึ้นในปีที่ 10 ของรัชสมัยเทนโช (ค.ศ. 1582) และสามารถชนะฝ่ายศัตรู ทำให้รวมประเทศได้ โดยฮิเดโยชิได้เริ่มก่อสร้างปราสาทโอซาก้าในปีที่ 11 ของรัชสมัยเทนโช (ค.ศ. 1583) โดยปราสาทดูจากภายนอกมี 5 ชั้นและมี 8 ชั้นด้านใน ที่คู่ควรกับผู้ที่สามารถรวบรวมประเทศให้เป็นหนึ่งได้ และในสมัยนั้นที่เรียกฮิเดโยชิว่าโฮไทโค ก็ถือเป็นสมัยที่วัฒนธรรมโมะโมะยะมะที่สวยงามหรูหราอยู่ในช่วงรุ่งเรือง ทั้งพิธีชงชา และภาพวาดของกลุ่มคะโน

ความสัมพันธ์กับวัดมิอิเดระนั้นถือว่าดี แต่ในช่วงบั้นปลายชีวิต ปีที่ 4 ของรัชสมัยบุนโระคุ (ค.ศ. 1595) ได้มีคำสั่งให้ยึดและปิดวัดมิอิเดระอย่างกะทันหัน และหลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิตไปในเดือนสิงหาคม ปีที่ 3 ของรัชสมัยเคโจ (ค.ศ. 1598) ท่านคิตะโนะมังโดะโคะโระ ภรรยาเอกของฮิเดโยชิ ก็ได้เป็นผู้ฟื้นฟูวัดมิอิเดระ

“คิตะโนะมังโดะโคะโระ”

โดยทั่วไปเป็นชื่อเรียกภรรยาเอกของข้าราชการชั้นสูงที่เคยเป็นเซสโช (ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะที่ยังเยาว์วัย) หรือ คัมปัคคุ (ข้าราชการชั้นสูงของจักรพรรดิ) แต่ต่อมากลายมาเป็นชื่อเรียกโดยเฉพาะของท่าน โคไดอิน ภรรยาเอกของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งหลังจากที่ฮิเดโยชิเสียชีวิตไป ท่านเป็นผู้นำในการฟื้นฟูวัดมิอิเดระ โดยทำการสร้างพระอุโบสถคองโดขึ้นใหม่อีกครั้ง

“มุงหลังคาด้วยเปลือกของต้นสนฮิโนะคิ”

มุงหลังคาด้วยเปลือกของต้นสนฮิโนะคิ

หลังคาที่ใช้เปลือกของต้นสนฮิโนะคิโดยใช้ตะปูทำจากไม้ไผ่ยึดไว้

“โซนชั้นนอก ชั้นใน และด้านหลัง”

โซนชั้นนอก ชั้นใน และด้านหลัง

“พระศรีอาริย์”

พระศรีอาริย์

เป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับสัญญาว่าจะได้ตรัสรู้เป็นอันดับต่อมาจากพระพุทธเจ้า โดยอาศัยอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต และลงมายังโลกปัจจุบันหลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ 5,670 ล้านปี เป็นพระในอนาคตที่มาเทศนา 3 ครั้งที่ต้นริวเกะช่วยยมวลมนุษย์ที่ตกค้างไม่ได้เข้ารับการปลดทุกข์จากพระพุทธเจ้า

สมัยโมะโมะยะมะ (ปีที่ 4 ของรัชสมัยเคโจ ค.ศ. 1599)